Wednesday, August 15, 2018

Apple Watch Fitness Thailand ชุมชนของคนรักการออกกำลังกาย และหลงไหลใน Apple Watch มาทำความรู้จักกัน!


ชุมชนคนรักการออกกำลังกาย  Apple Watch Fitness Thailand
 


 ทุกท่านคงรู้จัก Smart Watch จากค่าย Apple  เป็นอย่างดี ที่เป็น มากกว่านาฬิกาที่ใช้บอกเวลา Apple Watch (AW) ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการนาฬิกาเป็นอย่างมากและสร้างแรงกระตุ้นให้ผู้คนหันมาออกกำลังกายกันมากขึ้น





บทความนี้ผมคงไม่ได้พูดถึงข้อดีข้อเสียของตัว AW แต่จะมาพูดถึงชุมชนออนไลน์แห่งหนึ่ง ที่ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นสมาชิกมาเกือบปีกว่าเมื่อเริ่มซื้อเจ้าAWมาใช้ ตอนแรกที่เข้าไปก็เพื่อหาข้อมูลการใช้งานว่ามันมีวิธีการใช้งานอย่างไรบ้าง พอได้เป็นสมาชิกก็ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ และความประทับใจ นั่น ก็ คือ Apple Watch Fitness Thailand ซึ่งเป็น page ใน Facebook   จึงเกิดคำถามกับตัวเองว่า ชุมชนดีๆแบบนี้กำเนิดมาได้อย่างไร ใครเป็นคนต้นคิด





ผมเลยขอสัมภาษณ์ Admin พี่บอลล์  ผู้ก่อตั้งเพจ  Apple Watch Fitness Thailand (AWFT) 




 รบกวนพี่บอล แนะนำตัวเองหน่อยครับ

ผมแอดมิน บอลล์ เป็นพนักงานออฟฟิตที่มีชีวิตสบายๆ ครับ 

  
AWFT เกิดขึ้นมาได้อย่างไรครับ

 เริ่มต้นมาจากการที่ผมเริ่มออกกำลังกายโดยการตีแบต กับเพื่อนๆประมาณ 1 ปี และเริ่มติดการออกกำลังกาย แต่ระยะหลังๆไม่สามารถตีแบตในช่วงเวลาดึกได้ เลยหันมาหาวิธีออกกำลังกายอื่นๆที่ต้องได้เหงื่อ คิดไปเรื่อยๆเลยมาลองวิ่งดู จากการวิ่งแค่ 500 เมตร ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ (เราก็วิ่งได้นี่หว่า) เลยอยากได้ อุปกรณ์มาช่วยในการออกกำลังกาย มองไปเจอ AW เลยหาข้อมูลและจัดมาใช้งาน พอใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง ก็เลยสร้างเฟสบุ๊คกลุ่ม AWFTขึ้นมา เพื่อเป็นการโพสต์ข้อมูลการวิ่ง ของตัวเอง และเป็นแรงจูงใจให้กับสมาชิกจนมาถึงวันนี้ มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น และมีทีมงานที่ดี ยิ่งมีความสุขครับ 





 AWFT มีกี่ช่องทางในโลกออนไลน์อ่ะครับ

มีอยู่ 3 ช่องทางครับ 
1. เฟสบุ๊คกลุ่ม  https://www.facebook.com/groups/597643260426527/
3. ไลน์กลุ่ม http://line.me/ti/g/Wk7kSOSmAw  



AWFT  fan-page ปัจจุบันมีสมาขิกทั้งหมดกี่ท่านแล้วครับ รวมถึงช่องทางอื่นด้วยก็ได้ครับ

 ทางกลุ่มในเฟสบุ๊คมีสมาชิกประมาณ 5,000 กว่าคน ส่วนสมาชิกในไลน์กลุ่ม จำนวนประมาณ 170 คน






ปัจจุบันเรามีกิจกรรมให้สมาชิกของกลุ่มทำอะไรกันบ้างครับ

 เรามีการแข่งขันกันโดยให้สมาชิกทำการรวมกลุ่ม และร่วมกันแข่งขันในการออกกำลังกาย โดยจะมีการรวมคะแนน จากกิจกรรมของวงแหวน 3 วง ของ Activity ได้แก่ จากแคลอรี่การเคลื่อนไหว เวลาจากการยืน และเวลาจากการออกกำลังกาย ทั้งหมดนี้จะรวมอยู่ในแอพมือถือชื่อ   Challenges ครับ และจะมีนัด meeting ในอนาคตครับ



ถ้าหากมีคนสนใจที่อยากจะเข้าร่วมกลุ่ม ต้องทำอย่างไรบ้างครับ และ กฏกติกามารยาท ต้องทำตัวอย่างไร มีคำแนะนำไหมครับ และจำเป็นต้องเป็นผู้ใช้ Apple watch ไหมครับ


ผู้ที่สนใจในการเข้าร่วมกลุ่ม สามารถเข้าร่วมได้โดยผ่านเฟสบุ๊คโดยการพิมพ์ค้นหาคำว่า Apple Watch Fitness Thailand    และทางไลน์ กลุ่ม  http://line.me/ti/g/Wk7kSOSmAw
และเตรียมตัวมีสุขภาพดีร่วมกับพวกเรานะครับ ไม่จำเป็นต้องมี Apple watch ก็สามารถมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเราได้ครับ  สำหรับกฏ กติการผมเขียนไว้ในปักหมุดบนเฟสบุคแล้วครับ


บรรยากาศในชุมชน เป็นอย่างไรบ้างครับในมุมมองของแอดมิน

 ไม่คิดเลยว่าจะมีสมาชิกมากขนาดนี้ และสมาชิกยังให้ความช่วยเหลือกันในการตอบปัญหาข้อสงสัยต่างๆ ทั้งเรื่องของการออกกำลังกาย และเรื่องของการใช้งาน AW และที่ดีใจที่สุดคือได้มีส่วนร่วมในการออกกำลังและช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพดีครับ เพราะพวกเราคือครอบครัว



ในปีหน้าหรืออีก 3 ปีข้างหน้า พี่คิดว่า ชุมชน AWFT จะเป็นยังไงเหรอครับ

เราจะทำให้กลุ่ม AWFT เติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยให้เป็นกลุ่มที่มุ่งเน้นเสริมสร้างทักษะในการออกกำลังกาย และการใช้งาน AW ครับ

คิดว่าในอนาคตจะมีการ Co-operate กับทาง Apple ไหมครับ

ถ้ามีโอกาส ก็อยากจะทำครับ



เอาล่ะครับต้องขอขอบคุณพี่บอลล์มากๆ สำหรับข้อมูลในบทความอันนี้ ทำให้เราได้รู้จักชุมชนคนรักการออกกำลังกายที่ดีแห่งหนึ่ง ถ้าเพื่อนๆคนไหนที่ยังไม่ได้เข้าร่วมในชุมชน Apple Watch Fitness Thailand และสนใจก็สามารถกดเข้าไปในลิ้งค์ที่ผมแปะไว้ได้เลยนะครับ

แอพมือถือที่ทำให้การออกกำลังกายมีความท้าทายมากขึ้น มีความสนุกมากขึ้น โหลดเลย แอพ Challenges


หากเราออกกำลังกายคนเดียวมันก็จะสนุกแบบคนเดียว แล้วมันมีวิธีการออกกำลังแบบอื่นไหมที่สามารถเพิ่มความท้าทายให้กับเราได้อีก บทความนี้จะมานำเสนอ แอพมือถือตัวหนึ่งที่ได้ทดลองแใช้แล้วพบว่า เป็นแอพที่สร้างความท้าทายให้กับเราได้ดีทีเดียว นั่นก็คือแอพ Challenges 


แล้วเจ้าแอพนี้มันมีดีตรงไหน ก่อนอื่นต้องบอกลักษณะการทำงานของมันก่อนนะครับ คือเป็นแอพที่สามารถเชิญเพื่อนๆมาร่วมแข่งขันในการออกกำลังกายโดยผู้ที่เข้าร่วมจะต้องเข้าร่วมทีมอย่างน้อยทีมละ 4 คน ซึ่งกิจกรรมจะมีกำหนดเวลาเริ่มและสิ้นสุด โดยผู้ที่เข้าร่วมจะต้องมีอุปกรณ์เสริม คือ  Apple Watch (AW) เพราะ ระบบการให้คะแนนจะนับจากกิจกรรมที่ออกกำลังกายผ่าน AW ซึ่งก็คือจะให้คะแนน กิจกรรมการเคลื่อนไหววงสีแดง กิจกรรมออกกำลังกายวงสีเขียว และกิจกรรมการยืนวงสีฟ้า โดยทีมทั้ง4 คนต้องช่วยกันออกกำลังกายที่ตัวเองชอบและถนัด  ซึ่งในแต่ละวันแอพจะคำนวนคะแนนจากผลการทำกิจกรรมทั้งสามวงให้กับเราโดยทีมไหนมีคะแนนรวมสูงสุดก็จะเป็นผู้ชนะ 


ดังนั้นคนที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ต้องมี AW ด้วยนะครับ ซึ่งหลังจากที่เราโหลดแอพตัวนี้ลงมาในมือถือเราแล้วมันก็จะทำการ ลิ้งค์ข้อมูลกับ AWเราอัตโนมัติเลยครับ ที่นี้ก็กดเข้าไปเพื่อดูว่ามีใครเปิด กิจกรรม Challengesไว้บ้าง หรือถ้ายังไม่มีเราอาจจะได้รับ Invitation code เพื่อที่จะเข้าร่วมกิจกรรมจากเพื่อนของเราอีกทีก็ได้ครับ


เราสามารถเข้าไปดูว่า มีกิจกรรม Challenges เปิดอยู่บ้างไหมถ้าพบว่ามีเราก็กดเข้าไปได้เลยครับ ซึ่งถ้าเป็นกลุ่มปิดเค้าจะมีคนที่คอยส่ง Invitation CODE เพื่อที่ให้เราสามารถเข้าร่วมได้ครับ 



หลังจากเราได้ โค้ดก็มาใส่ตรงนี้ แล้วกด Join ได้เลยครับ


ต่อมาเราก็หาทีมที่เราจะอยู่ด้วย ถ้าทีมที่มีอยู่เค้ามีสมาชิกครบแล้วเราสามารถสร้างทีมของเราเองได้ครับ โดยการกด + มุมขวาบนครับ จะมีให้เลือกว่า Invite to your team ก็กดสร้างทีมของตัวเองได้เลยครับ



สามารถเพิ่มรูปภาพและคำอธิบายของทีมได้ที่นี่ครับ และสามารถสร้างลิ้งค์ สำหรับไว้เชิญเพื่อนๆให้เข้ามาร่วมทีมกับเราได้ด้วย 



ด้วยการกด Invite only > แล้วก็ไปกด Invite teammates ระบบจะสร้างลิ้งสำหรับ เชิญเพื่อนๆให้กับเรา สามารถส่งผ่านทาง Line หรือ ข้อความได้ครับ 

ที่นี้มาดูคำแนะนำจากทางแอพที่เค้ารวบรวมคำถามและคำตอบที่ทำให้เราสามารถใช้แอพนี้ได้สนุกขึ้น



หลังจากที่เราเข้าร่วมกิจกรรมนี้แล้วและหาทีมอยู่ได้แล้วแต่เราอยากจะออกจากทีม หรือ กิจกรรมนี้ทำได้ไหม ? 
คำแนะนำคือ ทำได้ครับแต่ต้องรอให้กิจกรรมผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ก่อน หรือ อย่างน้อยก็ ครึ่งนึงของเวลากิจกรรมทั้งหมด ทำได้โดย
กดปุ่ม Challenges > View Challenges > กดเลือก Team name> มองหาลูกศรที่มุมขวาบน และเลือกว่าเราต้องการจะออกจากทีม หรือ ออกจากกิจกรรมนี้ 

เราจะดูว่าทีมเราอยู่อันดับที่เท่าไหร่ได้อย่างไร ?
คำแนะนำคือ กดไปที่ Challenges > View Challenges> เลื่อนมาดูที่ Leaderboard ว่า ทีมเราอยู่ที่อันดับเท่าไหร่ 

ระบบนับคะแนนยังไง?
คำแนะนำ ระบบจะนับคะแนน จาก กิจกรรมที่ผ่าน AW  คือ กิจกรรมการเคลื่อนไหววงสีแดง กิจกรรมออกกำลังกายวงสีเขียว และกิจกรรมการยืนวงสีฟ้า  Ring Bonus  และ ทีมBonus ซึ่งอธิบายคร่าวๆได้ดังนี้


กิจกรรมการเคลื่อนไหววงสีแดง หรือ Move ring เราจะได้คะแนน 12 คะแนนทุกๆที่วงสีแดงครบหนึ่งครั้ง สูงสุดไม่เกิน 36 คะแนนต่อวัน 

กิจกรรมออกกำลังกายวงสีเขียว หรือ Exercise Ring เราจะได้ 12 คะแนนทุกๆที่วงสีเขียวครบหนึ่งครั้งและสูงสุดไม่เกิน 36 คะแนนต่อวัน


กิจกรรมการยืนวงสีฟ้า เราจะได้ คะแนน 1 คะแนนทุกๆการยืนครบ 1 hr และสูงสุด 14 คะแนนต่อวัน

Ring Bonus จะได้ก็ต่อเมื่อเราทำครบทั้งสามวงในวันเดียวกัน เราจะได้คะแนนเพิ่ม 12 คะแนน

Team Bonus จะได้ก็ต่อเมื่อเราทำครบทั้งสามวงแล้วมีเพื่อนในทีมเราทำได้ครบสามวงเหมือนกัน ซึ่งเราจะได้ คะแนนทีมBonus เพิ่มเข้ามาอีก 4 คะแนน ต่อเพื่อนที่ครบได้สามวง ถ้าในทีมมีเพื่อนเราทำได้คบสามวง  2 คน เราจะได้คะแนนตรงนี้เพิ่มอีก 8 คะแนน สูงสุด  12 คะแนน

สามารถ Download app here  for IOS > Click 

เอาล่ะครับ ขอจบบทความไว้แค่นี้ก่อนนะครับ ขอให้สนุกกับ กิจกรรม Challenges 




Saturday, August 11, 2018

แคลอรี่ ไดอารี่ แอพมือถือที่ช่วยให้การควบคุมอาหารมีความสนุก และ ท้าทาย และยังมีคำแนะนำในการควบคุมอาหารได้อย่างถูกต้อง

หลังจากที่เราออกกำลังกายด้วยวิธีที่เราชอบไม่ว่าจะ เป็น วิ่ง ปั่นจักรยาน เข้ายิม ซึ่งเราทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง และเราคาดหวังว่าเราจะมีสุขภาพที่ดี หุ่นเราจะดีขึ้น น้ำหนักเราจะลดลง แต่การออกกำลังกายก็ส่งผลโดยรวมต่อลดน้ำหนักเพีลง 20% เท่านั้น  สิิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้เลยคือ การควบคุมอาหาร การคุมอาหารนั้นส่งผลโดยตรงต่อการลดน้ำหนักถึง 80%  ซึ่งการควบคุมอาหารก็มีหลายวิธี หลายทฤษฏี หลายสูตร ซึ่งในปัจจุบัน วิธีที่ได้รับความนิยมก็คือ การควมคุม "ความสมดุลของแคลอรี่" ซึ่งเป็นสมดุลของพลังงานที่เราจะต้องนำเข้าสู่ร่างกายในแต่ละวันเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต




ทุกท่านคงรู้ความหมายของแคลอรี่กันอยุ่แล้ว แต่ผมขอพูดถึงสักนิดเพื่อที่ให้บทความนี้มีความเข้าใจเกี่ยวกับแคลอรี่ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งผมนำข้อมูลมาจากแอพมือถือที่ชื่อ "แคลอรี่ ไดอารี่" ที่ผมได้มีโอกาสใช้และรู้สึกชอบในความสะดวกจึงมาทำการรีวิวแอพตัวนี้นะครับ

แคลอรี่คืออะไร
เป็นหน่วยวัดพลังงานที่ใช้ในร่างกายและเป็นหน่วยวัดพลังงานที่ไดรับจากอาหาร ซึ่ง บางคนอาจจะเรียกเป็นหน่วยกิโลแคลอรี่ แต่ทั้งสองใช้เรียกแทนกันได้ 



ดังนี้นั้นการที่เราจะให้ร่างกายเรามีความสมดุลในเรื่องของพลังงาน หรือ แคลอรี่ เราจึงต้องควรจะรู้ว่าใน 1วันนั้น ร่างกายของตัวเราต้องการพลังงานประมาณเท่าไหร่เพื่อใช้ในการดำรงชีวิต เราจะได้จัดหาอาหารเพื่อรับประทานเข้าไปเพื่อให้เพียงพอ จริงๆ แล้วระบบร่างกายเรานั้นมีตัวคอยบอกอยุ่แล้วว่า เราต้องการอาหารเมื่อไหร่ และเท่าไหร่ นั่นก็คือความ "หิว" และความ "อิ่ม" นั่นเอง แต่เนื่องจากว่าหลายคนรวมทั้งผมนั้นไอ้ระบบความอิ่มมันทำงานดีเกินไป นั่นคือกินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม และด้วยปัจจุบันอาหารนั้นหาทานง่ายขึ้น รสชาติดีขึ้น ทำให้เรานั้นเกิดความอยากทานมากขึ้น จนเกินความจำเป็นที่ร่างกายต้องการทำให้ความสมดุลของพลังงานนั้นพัง เมื่อสมดุลพลังงานนั้นพัง ร่างกายจึงทำสะสมพลังงานที่เหลือไว้ในรูปของ ไขมัน ที่ทำให้เราอ้วนนั่นเอง 



เอาล่ะครับที่นี่ปัจจุบันการความคุมสมดุลแคลอรี่ หรือ สมมดุลพลังงานนั้น หลักการง่ายๆก็คือ กินให้น้อยกว่าที่ต้องใช้แต่ไม่อดอาหาร ฟังดูเหมือนง่ายนะครับแต่เราต้องมีวินัยในการกินจริงๆ และต้องรู้ว่าสิ่งที่เรากินเข้าไปมันมีปริมาณแคลอรี่เท่าไหร่ ซึ่งปัจจุบัน อาหารที่มีขายอยู่ในร้านอาหาร ส่วนใหญ่ก็จะมีฉลากที่บอกจำนวนแคลอรี่อยู่แล้วจะมีอาหารสดบางประเภทที่ไม่สามารถบอกปริมาณแคลอรี่ได้ ซึ่งทำให้เกิดความยุ่งยากในการที่จะควบคุมความสมดุล แต่ไม่ต้องเป็นห่วงปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปเมื่อได้มาลองใช้ แอพมือถือตัวนี้ครับ นั่นก็คือ "แอพ แคลอรี่ไดอารี่ "

Download iOS > Click         

Download for Android >  Click




แอพตัวนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการควบคุมสมุดุลพลังงานที่เราต้องการใช้ในแต่ละวัน โดยการให้เราวางแผนว่าในหนึ่งวันอาหาร 3 มื้อ กับของว่าง 1 มื้อ ที่เราทานเข้าไป มีปริมาณแคลอรี่เท่าไหร่ ซึ่งเราก็แค่เลือกรายการอาหารที่เรากินในแต่ละมื้อและทำการบันทึกลงในแอพ แอพก็จทำการรวมรวมปริมาณแคลออรี่ที่เรากินเข้าไปทั้งวันแล้วแสดงผลให้เราเห็น ซึ่งทำให้เราทราบว่า เรากินมากไปไหม มาดูการใช้งานไปพร้อมๆกันเลยครับ


หลังจากที่ิติดตั้งแอพลงในมือถือเรียบร้อยเราก็เปิดการใช้งานมา ตัวแอพก็จะให้เราใส่ข้อมูลร่างกายของเราครับ ได้แค่ เพศ อายุ น้ำหนัก และก็ ส่วนสูง เพื่อที่จะใช้ในการคำนวนค่าแคลอรี่ 


หน้าต่อไปแอพก็จะถามเป้าหมายในการควบคุมน้ำหนักที่เราต้องการ อันนี้ก็จะมีตัวเลือกให้เราเลือกว่าเราอยากลดน้ำหนักแบบไหน ถ้าเราเป็นคนที่แอคทีฟ เล่นกีฬาบ่อยและคิดว่า เรามีวินัยในการกินพอสมควรก็เลือกแบบรวดเร็วไปเลยครับ หรือ แบบธรรมดาก็ได้


แอพก็จะทำการคำนวนปริมาณแคลอรี่ที่เราควรกินต่อวันมาให้ ซึ่งถ้าเราควบคุณให้ในแต่ละวันไม่เกินค่านี้ได้ ควบคู่กับการออกกำลังกายด้วย รับรองน้ำหนักลดลงแน่ ในตัวอย่าง ผมต้องการลดลงจาก  76.5 kg ให้เหลือ 70 kg. ผมต้องคุมแคลอรี่ต่อวันไม่ให้เกิน 1470 ทำต่อเนื่อง 58 วันโดยประมาณ ซึ่งผมก็คาดหวังว่าลงเหลือซัก 72-73 ก็โอเคแล้วครับค่อยทำไปทีละสเต็ป 


หลังจากเราตั้งเป้าหมายของการควบคุมน้ำหนักแล้วก็มาถึงหน้าจอแสดงผลที่เราจะต้องใส่ข้อมูลอาหารในแต่ละมื้อที่เรากินเข้าไปนะครับ ซึ่งแอพเวอร์ชั่นล่าสุด ก็จะมีคำแนะนำทีละขั้นตอนให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น


ค่าตรงกลางในวงกลม ( 1470) ของแต่ละคนจะไม่เท่ากันนะครับ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เพศ อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง และก็ เป้าหมายในการลดน้ำหนัก 


ทีนี้เราก็มาจดบันทึกรายการอาหารในแต่ละมื้อที่เราทานเข้าไปกันครับ โดยแตะไปที่ปุ่ม อาหารเช้า หรือ อาหารเที่ยง หรือ อาหาว่าง หรือ อาหารเย็น 



เมื่อเราแตะเข้าไปที่มื้ออาหารแล้วก็จะปรากฏหน้ารายการอาหารที่ทางแอพเค้ามีฐานข้อมูลไว้แล้วเราก็มองหารายการอาหารที่เราทานเข้าไปครับ ซึ่งฐานข้อมูลอาหารที่ทางแอพเค้าใส่ไว้มีรายการอาหารอยู่มากมาย ถ้าเราหาไม่เจอ เราสามารถใส่เพิ่มเองได้ครับ 


ยกตัวอย่างเมื่อเช้าผมทานเนื้ออกไก่ต้ม 1 ชิ้น และ กาแฟดำ 1 แก้ว ก็กดเลือกบันทึกไปครับ




พอเรากดบันทึกไปแล้วเราสามารถมาดูได้ว่า ในแต่ละมื้อเราทานอะไรไป หรือ เราสามารถแก้ไขรายการอาหารได้ด้วยครับ



ที่ด้านหน้าแผนภูมิวงกลม ก็จะทำการแสดงแคลอรี่ที่เหลือที่บอกให้เราทราบว่าปริมาณแคลอรี่ในอีก สองมื้ออาหารที่เราสามารถทานเข้าไปได้จะเห็นว่า อีกสองมื้อของผมจะเหลืออีก 1235 แคลอรี่ ถ้าผมมีวินัยทานในอีกสองมื้อไม่ให้เกิน ค่านี้ก็จะทำให้ไม่เหลือแคลอรี่ที่เกินและสะสมไปเป็นไขมันในร่างกายของเราได้

พอเลื่อนหน้าจอลงมาก็จะพบว่าการแสดงในช่องสีเขียวแสดงถึงว่าเราตั้งเป้าหมายไว้กี่วัน ตัวเลขนี้จะลดลงไปเรื่อยๆ แสดงให้เราทราบว่า เราควบคุมอาหารผ่านมากี่วันแล้ว 
ช่องสีน้ำเงินแสดงถึงปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับในแต่ละวัน 
และช่องสีแดงถ้าเรามีการออกกำลังกายและทำการบันทึกไว้ก็จะแสดงที่ช่องนี้ 


และภายในแอพ ยังมีคำแนะนำในเรื่องโภชนาการต่างๆ ให้เราได้อ่านและสามารถนำไปปฏิบัติได้



รวมถึงยังมีโปรแกรมที่ท้าทายให้เราอยากลดน้ำหนักให้เลือกเพื่อให้เราตั้งเป้าหมายได้อีกด้วยนะครับ 

เอาละครับผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านมีตัวช่วยในการที่ควบคุมความสมดุลของพลังงานที่เราต้องใช้และทานเข้าไปด้วยแอพนี้ ผมเชื่อว่าเราทุกคนทำได้อยู่แล้วหากเรามีวินัย และความมุ่งมั่น หากเพื่อนๆมีข้อแนะนำหรือ อยากร่วมแชร์ประสบการณ์เรียนเชิญที่คอมเม้นด้านล่างเลยครับ 

ขอให้สนุกกับการออกกำลังและสุขภาพที่ดีนะครับ 


 **ขอขอบคุณข้อมูลจากแอพมือถือ แคลอรี่ ไดอารี่

Monday, August 6, 2018

รองเท้าวิ่งที่ขึ้นชื่อว่าออกแบบมาเพื่อสำหรับนักวิ่งที่ใช้ความเร็วสูงที่ดีที่สุดแห่งยุคนี้ Nike Zoom Fly SP




รองเท้าวิ่ง Nike Zoom Fly SP นั้นได้เป็นรุ่นที่ถือว่า พิเศษทีเดียวเพราะว่า เป็นรุ่นที่ทาง Nike ได้ผลิตขึ้นเพื่อ ร่วมฉลอง Project Breaking 2 ที่เป็นเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของนักวิ่งมาราธอนและทางทีม Nike ที่ต้องการทำสถิติการวิ่งมาราธอนโดยใช้เวลาต่ำกว่า  2:00:00 ซึ่งผมอยากเชิญชวนให้ผู้อ่านได้ชมวีดีโออันนี้ที่ดูแล้วจะได้ความรู้สึกของ แรงบันดาลใจ ความมุ่งมั่น ความอดทน ของทั้งนักวิ่ง ทีมวิจัยNike ว่าทำไมเค้าถึงต้องออกมาวิ่งกัน และเป็นที่มาของการดีไซน์รองเท้าพิเศษรุ่นนี้ Nike Zoom Fly SP






หลังจากชมวิดีโอแล้วเรามาทำความรู้จักกับ รองเท้าวิ่งที่ขึ้นชื่อว่าออกแบบมาเพื่อสำหรับนักวิ่งที่ใช้ความเร็วสูงที่ดีที่สุดแห่งยุคนี้  นั่นก็ถือ Nike Zoom Fly SP
ซึ่ง ได้ทำการเปิดตัวไป เมื่อ มิถุนายน ปีที่แล้ว 2017 [2]
ซึ่งวันนี้ผมได้เรียนเชิญคุณ คิม สมาชิกจาก Apple Watch Thailand ผู้ที่หลงใหลในรองเท้าโดยเฉพาะแบรนด์ Nike มาร่วมแชร์ข้อมูลของรองเท้ารุ่นนี้กันนะครับ


        รองเท้าวิ่ง Unisex Nike Zoom Fly SP ดีไซน์มาเพื่อตอบโจทย์การวิ่งแบบต่อเนื่องอันหนักหน่วง 
     การวิ่งไกล และวันแข่งจริง โครงสร้างที่ตอบสนองได้ดี เปลี่ยนแรงกดในแต่ละก้าวเป็นแรง
    เพื่อก้าวต่อๆ ไป รองเท้าวิ่งรุ่นพิเศษนี้ได้ปรับปรุงระบบการรองรับน้ำหนัก [1] 
 ที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ชายที่ 248 g และผู้หญิงอยู่ที่184 [2] โดยประมาณ

                     "คุณคิมมีความเห็นในเรื่องน้ำหนักรองเท้าของรุ่นนี้ว่าอย่างไรครับ 
ขอเกริ่นนำนิดนึง ก่อนหน้านี้ใส่รองเท้าวิ่งมาหลายคู่ ก็ยังไม่รู้สึกว่ามันหนักเท่าไหร่ จนกระทั่ง เห็นงานก้าวคละก้าว พี่ตูนใช้รองเท้า zoom fly 4% คือตัวท๊อปสุดของตะกูล zoom fly จนเริ่มศึกษาตระกูล zoom fly
จนมาเจอเจ้า Nike Zoom Fly SP  และด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย บวกกับรูปทรงและวัสดุที่พิเศษโดยเฉพาะน้ำหนักของรองเท้ามีผลแน่นอน
ทำให้เวลาวิ่ง รู้สึกสบายเท้า ไม่หนัก  และดีดมาก"






สัมผัสการออกตัวที่ทรงพลัง ด้วยเทคโนโลยี Lunarlon



Cr picture: https://www.slashgear.com/converse-chucks-redesigned-with-nike-tech-for-comfort-23394114/


แผ่นรองพื้นรองเท้าไนลอนผสมคาร์บอนแบบเต็มความยาวฝ่าเท้า แทรกอยู่ในพื้นรองเท้าชั้นกลาง มอบสัมผัสที่ช่วยเสริมให้คุณก้าวไปได้ไกลขึ้นในทุกๆ ก้าว เพื่อให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายมากยิ่งขึ้น ซึ่งได้มีการออกแบบให้เหมาะกับนักวิ่งที่มีลักษณะฝ่าเท้าแบบ Neutral pronation ซึ่งทำให้การออกแบบรองเท้ามีน้ำหนักที่เบาได้ เมื่อเทียบกับรองเท้าที่ต้องการออกแบบส่วนซัพพอทเป็นพิเศษ เช่น ประเภท overpronation  (ดูความหมายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ลักษณะฝ่าเท้าได้ที่บทความนี้ครับ https://howtofunrun.blogspot.com/2018/07/blog-post.html )
ด้วย ระบบลดแรงกระแทก Lunarlon ** ผสานโฟมเนื้อแน่นและนุ่มหยุ่นเพื่อช่วยสร้างสมดุลของการซับแรงกระทบ การทรงตัว และการตอบสนอง โดยไม่ทิ้งความสบาย

**LUNARLON คือ ระบบลดแรงกระแทก Lunarlon มีแกนเป็นโฟมที่อ่อนนุ่มแต่คืนตัวเร็วและห่อหุ้มไว้อยู่ภายในด้วยชั้นโฟมโดยรอบ จึงให้การตอบสนองและการรองรับที่เบาสบาย อ่อนนุ่มเป็นพิเศษ และดีดตัวได้ดี

"เรามาฟังมุมมองจากผู้ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว คุณคิมช่วยอธิบายความรุ้สึกของการที่รองเท้าวิ่งของเรามีระบบ Lunarlon ได้ไหมครับ
Nikeมีเทคโนโลยีต่างๆ มากมายนะครับ แต่เจ้าตัว lunarlon ทำให้เรารู้สึกเท้าเราไม่จมมาก ดีดนิด  ๆ เวลาวิ่งแรก ๆ พื้นจะยังแข็ง ๆ อยู่ครับ พอเริ่มใช้ไประยะนึง มันจะเป็นรองเท้าที่ ดีดและช่วยเรา มาก ๆ ในการวิ่งไปข้างหน้าและทำเวลา ยึดเกาะถนนพอสมควร แรกๆ เราจะคิดว่ามันไม่นิ่มซะเลย พอใช้ไปเรื่อยๆ จะสังเกตรอยย่นข้าง ๆ ยิ่งย่นมาก นั่นแหละครับ มันกำลังทำงานเต็มประสิทธิภาพให้เราแล้ว"







ใส่แล้วสบายจริงไหม ?

Cr: https://sneakerfreaker-cdn.s3-accelerate.amazonaws.com/image/NikeLAB-Debut-the-Zoom-Fly-SP7.jpg?mtime=20170807134554


ด้วยการออกแบบส่วนบนจากผ้าทอยืดโปร่งแสงช่วยในการระบายอากาศ และยังทำให้รองเท้ามีน้ำหนักเบา พร้อมด้วยแถบรองรับอุ้งเท้าจากหนังกลับสังเคราะห์นุ่ม มอบการรองรับและการทรงตัวสำหรับระยะทางที่ท้าทายที่สุดของคุณในจุดนี้ต้องถาม คุณคิม แล้วล่ะครับว่าใส่วิ่งแล้วสบายเหมือนที่ทางNikeได้ทำการบอกไว้ไหม 

"ข้อแรกเลยครับ  Nike Zoom Fly SP (SP น่าจะย่อมาจาก special) ขึ้นชื่อว่าพิเศษ
มันพิเศษตั้งแต่เราได้มองมันแล้วครับ เท่ สวย ดูทันสมัยสุด ๆ เวอร์ไปหน่อย 5555 มันโปร่งใสไงครับ ใส่ถุงเท้าสีอะไร รองเท้าเราจะเป็นสีนั้น

วัสดุที่ใช้พิเศษสมชื่อจริง ๆ อยากให้ลองไปจับ ไปสัมผัสกันดู เพราะตอนนี้เหมือนว่าจะหาซื้อในไทยง่ายขึ้นแล้ว ส่วนด้านการใส่วิ่ง สำหรับนักวิ่งมือใหม่ อาจจะต้องปรับตัวกันสักนิด เพราะซับพอทเท้าค่อนข้างน้อย เพราะด้วยดีไซต์มันคือรองเท้าสาย racing (รองเท้าแข่ง รองเท้าทำเวลา ) ที่จะพาเราก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา ขนาดยืนเฉย ๆ มันยังจะพาเราก้าวเท้าตลอดเวลาเลย 555  ใครอยากมีรองเท้าวิ่งสวย ๆ ติดสปีด แนะนำตัวนี้เลยครับ รับรองไม่ผิดหวัง
Nike Zoom Fly SP"

ข้อมูลทางเทคนิคของ Nike Zoom Fly SP

1.   เหมาะสำหรับวิ่งทางเรียบ
2.   เหมาะกับนักวิ่งที่มีลักษณะฝ่าเท้าแบบ Neutral pronation
3.   เหมาะสำหรับใส่วิ่งซ้อมประจำวัน หรือ แข่งขัน
4.   น้ำหนักเบา
5.   Heel to toe drop 10 mm.
6.   ราคาขาย 6000-6500 บาท




ต้องขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก คุณคิม สมาชิกจาก Apple Watch Thailand ผู้ที่หลงใหลในรองเท้าโดยเฉพาะแบรนด์ Nike มาร่วมแชร์ข้อมูลของรองเท้ารุ่นนี้กันนะครับ ถ้าอยากติดตามคุณ คิม สามารถ Follow IG ได้ ที่ kim_chanthawat  ผมไปแอบส่อง คุณคิม มีรองเท้าสวยๆ ให้ชมกันเยอะเลยทีเดียว 



[1],[2]Cr: https://www.nike.com/th/th_th/ 
https://runrepeat.com/nike-zoom-fly-sp
สำหรับข้อมูล

Thursday, August 2, 2018

การยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนวิ่งทำอย่างไรให้ร่างกายพร้อมก่อนลงวิ่ง?



     การที่จะวิ่งอย่างไรให้สนุกและมีความสุขนั้นคือวิ่งแล้วไม่บาดเจ็บ วิ่งแล้วรู้สึกสบายซึ่งนักวิ่งหลายๆคนมักจะมองข้ามเรื่องเล็กๆนั่นก็คือการยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนการวิ่ง หรือ การวอร์มอัพนั่นเอง 


บทความวันนี้ขอนำเสนอการยืดเหยียดกล้ามเนื้อที่ถูกต้องไปติดตามกันเลยครับ ก่อนอื่นรับชมวีดีโอจากทาง Mahidol channel โดย อ.ต้น นักวิทยาศาตร์การกีฬา จากม.มหิดลจะมาแนะนำท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนวิ่งที่ถูกต้อง และต้องขอขอบคุณทาง Mahidol Channel สำหรับข้อมูลดีๆด้วยนะครับ





Cr: https://youtu.be/WAzrAelwij4

ทำไมต้องยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนวิ่ง 

1. เป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อในแต่ละส่วนที่จะใช้งานนั้นเตรียมตัวว่าจะต้องมีการใช้งานแล้วนะโดยการเคลื่อนไหวเบาๆ ให้หลอดเลือดขยายตัว ระบบของเหลวในร่างกายเตรียมพร้อม เพื่อเตรียมพร้อมที่จะลำเลียงออกซิเจนไปใช้ในขณะวิ่งและที่สำคัญคือเป็นการเตรียมให้หัวใจเริ่มที่จะสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงตามอวัยวะส่วนต่างๆได้มากขึ้น

2.ช่วยลดอาการบาดเจ็บขณะวิ่ง และ หลังวิ่ง เพราะในขณะยืดเหยียดนั้นข้อต่อและเส้นเอ็นได้มีการขยับและเตรียมพร้อมที่จะยืดขยายในวงกว้างในขณะที่เราวิ่ง

3.ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง


ท่ายืดเหยียดที่แนะนำจากที่ทางอ.ต้นแนะนำคือเน้นที่ช่วงล่างของลำตัว 70% และช่วงบน 30% ดังนี้

1. ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณน่อง 




ทำโดยการเขย่งยกส้นเท้าขึ้นพร้อมกันทั้งสองข้างค้างไว้ซัก 1-2 วินาที  ทำ 10-15 ครั้ง 2 เซ็ต จะรู้สึกตึงๆ ที่น่องของเรา

2. ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณหน้าแข้ง 


ทำโดยการยก(กระดก)เฉพาะปลายเท้าขึ้น โดยส้นเท้ากดอยู่ที่พื้น ทำ 10-15 ครั้ง 2 เซ็ต จะรู้สึกตึงๆ ที่หน้าแข้งของเรา


3. ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาด้านหลัง



โดยก้าวขาไปข้างหน้า 1 ข้าง ยกปลายเท้าขึ้น แล้วค่อยๆก้มเอามือแตะปลายเท้า โดยพยายามให้หลังตรงขนานกับพื้นจะดีมากๆ ขาหลังงอเล็กน้อย ทำ 10-15 ครั้ง  โดยสลับขาทีละข้าง  จะรู้สึกตึงๆ ทำท่านี้จะรู้สึกได้ตั้งแต่หลัง เอว ก้น ต้นขาหลังที่มันตึงๆ จะถูกยืดออก และรู้สึกสบายขึ้น *ท่านี้ผมชอบมากๆ ช่วยลดอาการตึงๆได้ดีมากๆ *

4. ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาด้านหน้า


ทำโดยให้มือจับยกปลายเท้างอไปด้านหลังและดึงค้างไว้ให้หน้าแข็งขนานกับลำตัว แล้วโยกไปมาข้างหลังเล็กน้อย ทำสลับข้าง ให้รู้สึกว่า สะโพกและต้นขาด้านหน้าเกิดการขยับจะรู้สึกตึงๆ ต้นขาด้านหน้าด้วย ทำ 10-15 ครั้ง

5. ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณสะโพกด้านหน้า

ทำโดยยกขาขึ้นมาด้านหน้าโดยให้หัวเข่าสูงประมาณเอว แล้วเหวี่ยงไปด้านหลัง แล้วก็ดึงเข่าขึ้นมาด้านหน้า สลับไปมา ในขณะที่เหวี่งขาให้ทรงตัวให้อยู่ตรง จะรู้สึกถึงการขยับบริเวณสะโพกหลายครั้งที่เรานั่งทำงานนานๆ แล้วพอมายืดเหยียดด้วยท่านี้ จะรู้สึกสบายบริเวณเองและสะโพก ทำ 10-15 ครั้ง และสลับข้าง

6. ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณสะโพกด้านข้าง



ทำโดยยกขาขึ้นมาด้านหน้าโดยให้หัวเข่าสูงประมาณเอว แล้วเหวี่ยงไปด้านข้างซ้ายขวา สลับไปมาทำ 10-15 ครั้ง และสลับข้าง

7. ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณแกนลำตัว/ขา


ทำโดย ก้าวขาขวาไปข้างหน้าและย่อตัวลง เอียงตัวไปทางขวาโดยยกแขนซ้ายขึ้นเพื่อช่วยประคองตัว ทำสลับซ้ายขวา พยายามก้าวขาไปให้มากที่สุด

8. ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณแกนลำตัว/ขา/แขน



 ทำโดยลัษณะเหมือนวิ่งแต่ยกหัวเข่าขึ้นสูง วิ่งไปประมาณ 15 ก้าว อย่าลืมลงด้วยฝ่าเท้า ทำซัก 2-3 รอบ

9. ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณแกนลำตัว/ขา/แขน


ทำโดยลัษณะเหมือนวิ่งแต่ยกส้นเท้าเตะเข้าหาสะโพกด้านหลังหรือก้นของเรานั่นเองวิ่งไปประมาณ 15 ก้าว อย่าลืมลงด้วยฝ่าเหมือนกันนะครับ สำคัญคือ ส้นเท้าต้องยกงอถึงสะโพก ทำซัก 2-3 รอบ

10.ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณแขนหัวไหล่และลำตัวช่วงบน




ทำโดย ยืนอยุ่กับที่แล้วเหยียดแขนให้สุดแก่วงขึ้นลงสลับกันไปมา สลับไปมาทำ 10-15 ครั้ง


เอาล่ะครับ นี่คือคำแนะนำการยืดเหยียดร่างกายก่อนการวิ่ง เป็นการเตรียมตัวให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ ระบบไหลเวียนของเลือด พร้อมที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดอาการบาดเจ็บหลังการออกกำลังกายได้อย่างดีขึ้น อย่าลืมทำตามให้ครบทั้ง 10 ข้อนะครับ ยิ่งเราแพลนว่าจะวิ่งนาน ควรยิ่งต้องยืดเหยียดให้นานขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกาย

วันนี้ขอจบบทความนี้ก่อนนะครับ ร่วมพูดคุยแชร์คอมเม้นได้เลยนะครับ และเตรียมตัวพบกับบทความใหม่ๆนะครับ


*ขอขอบคุณข้อมูลสำหรับการอ้างอิง วีดีโอ และรูปภาพจากทาง Mahidol Channel 
https://www.mundofitness.com/los-5-mejores-ejercicios-para-gemelos/
https://th.yanhee.net
https://treinio.com/blogs/news/difference-between-dynamic-and-static-stretching
https://www.rockettes.com/blog/ways-to-warm-up-like-a-rockette/
http://endorphinshealth.com/2015/09/17/static_dynamic_stretch_performance/
http://www.stretchify.com/dynamic-stretching/
http://shawnkaram.com
https://www.wikihow.com/Stretch-Before-and-After-Running
https://allstarsportswear.wordpress.com/2011/05/25/warm-up-before-burning-out/
http://mossiraporn.blogspot.com/2013/09/*

About Me

My photo
เริ่มต้นเขียนบล็อกเพราะ อยากหาอะไรใหม่ๆ ทำเพราะมีเวลาว่างวันละ 4-6 ชั่วโมง และอยากมีรายได้เพิ่มไม่ว่าจะจากทางโฆษณา หรือ สปอนเซอร์ วันนึงเปิดเฟซบุ๊คเห็นโฆษณาการเป็น Affiliate เคยได้ยินว่าถ้าทำดีๆ ก็มีรายได้เหมือนกัน พอศึกษาไป ก็เริ่มลงมือทำดูไม่รู้ว่าจะได้ดีแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ได้ลงมือทำ